"เงิน" เราทุกคนคงไม่มีใครไม่รู้จักมัน แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าแนวคิดของการใช้เงินกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

คำว่า Fintech หรือ Financial Technology นั้นไม่ใช่คำใหม่ในปัจจุบัน การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจการเงินเองก็มีมาตั้งแต่ e-payment ต่างๆเช่น Prompt pay, TrueMoney Wallet, mPay, Paysbuy เริ่มให้บริการแล้ว แต่ที่กำลังฮิตที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ Fintech ที่มีการนำ Blockchain เข้ามาใช้

Blockchain เป็นเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลแบบไม่มีตัวกลาง กล่าวคือ ผู้ใช้งานทุกคนคือส่วนหนึ่งของฐานข้อมูล เมื่อเกิดการแลกเปลี่ยนมูลค่าทางดิจิตอล การแลกเปลี่ยนนั้นๆจะถูกบันทึกลงในระบบ Blockchain แบบถาวร เปลี่ยนแปลงไม่ได้ จึงโปร่งใส ตรวจสอบได้ เลยถูกนำมาใช้มากในโลกการเงินเพราะทำให้การทำธุรกรรมต่างๆปลอดภัยขึ้น สะดวกรวดเร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องพึ่งตัวกลางอย่างธนาคารแบบแต่ก่อน ตัวอย่างเช่น คริปโต ที่หันไปทางไหนก็มีแต่คนซื้อ มีแต่คนลงทุน ด้วยความที่เข้าถึงง่ายและมีศักยภาพสูงจนตลาดคริปโตมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

อีกการนำ Blockchain มาใช้ในโลกการเงินที่ใกล้ตัวหน่อยคงหนีไม่พ้น พันธบัตรออมทรัพย์รุ่นวอลเล็ต สบม. ที่ Blockfint เป็นผู้ร่วมออกแบบ ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติดิจิทัลแพลตฟอร์มทางการเงินครั้งสำคัญของประเทศ โดยมีจุดเด่นคือ สามารถซื้อขายพันธบัตรได้แบบทันทีและลงทุนขนาดเล็กเริ่มต้นได้ที่หน่วยละ 1 บาท ซึ่งพันธบัตรทั่วไปไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีขั้นตอนเยอะและต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้ช้าและไม่สามารถลงทุนหน่วยเล็กมากๆได้

แต่ Blockchain ไม่ได้แค่เข้ามา Disrupt โลกการเงินผ่าน Fintech เท่านั้น แต่ยังสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจอื่นๆได้อีกด้วย เช่น เหรียญ NFT (Non Fungible Token) ที่มีจุดเด่นคือจะถูกสร้างขึ้นมาแบบไม่ซ้ำกัน จึงถูกนำมาใช้ในโลกศิลปะและของสะสม ตั้งแต่ภาพวาด ภาพ 3D ไอเท็มเกม VDO และอื่นๆ ตัวอย่างเช่นผลงานของ Beeple ที่ชื่อว่า "Everydays: The First 5,000 Days" ที่ถูกประมูลไปในราคา 69 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ รูป NFT Tweet แรกของผู้ก่อตั้ง Twitter ที่ขายไปในราคา 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ NFT ยังเป็นอีกช่องทางให้ศิลปินไทยได้มีโอกาสพาผลงานตัวเองไปสู่สายตานักสะสมในตลาดโลกได้อีกด้วย

อีกมุมหนึ่ง Blockchain ยังเข้ามามีบทบาทในวงการ Logistics โดยยักษ์ใหญ่อย่าง DHL และ Maersk ได้นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาติดตามข้อมูลการขนส่งและวิเคราะห์ Supply Chain ต่างๆ อย่าง Real-Time ส่งผลให้ข้อมูลมีความถูกต้อง แม่นยำมากขึ้น Process ดำเนินต่อได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดข้อผิดพลาดและความเสียหายน้อยลง และนำไปสู่ ต้นทุนที่ต่ำลง

นอกจากนี้ ธุรกิจการแพทย์ ก็สามารถนำ Blockchain มาประยุกต์ใช้ได้ เช่น Patientory แพลตฟอร์มที่แก้ปัญหาข้อมูลของผู้ป่วยที่ตกหล่นเมื่อใช้สถานบริการทางการแพทย์ที่ต่างกันด้วยการนำข้อมูลทุกอย่างของผู้ป่วยมารวมไว้ให้แพทย์สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น หรือ Medicalchain แพลตฟอร์มที่สามารถตรวจสอบข้อมูลประกันของผู้ป่วยได้ทันที

สำหรับในไทยเองนั้น หนึ่งในบริษัทที่เป็นผู้นำการใช้งาน Blockchain อย่างหลากหลายคือ Blockfint ที่นอกเหนือจากดิจิตอลบอนด์ที่พัฒนาร่วมกับภาครัฐ ก็ยังพัฒนา Gideon นวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน โดยเป็นการนำ Blockchain มาสร้างแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานสำหรับครัวเรือนและธุรกิจ สามารถบริหารจัดการการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ และซื้อขายได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และ และ Agri Trac แพลตฟอร์ม Blockchain สำหรับภาคการเกษตรในการช่วย Tracing น้ำมันปาล์ม ทำให้สามารถช่วยติดตามและควบคุมกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มได้ตลอด Supply Chain เพื่อคุณภาพที่สม่ำเสมอ และลดปัญหาน้ำมันปาล์มเถื่อนจากต่างประเทศ

ในอนาคตอันใกล้นี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Blockchain จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและธุรกิจต่างๆมากกว่าเดิม ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรอยู่ ไม่ว่าโจทย์ของคุณคืออะไร Blockchain จะสามารถช่วยพลิกโฉมธุรกิจของคุณได้ ให้การทำงานของคุณเร็วขึ้น โปร่งใสขึ้น และเปิดรับโอกาสใหม่ๆได้มากขึ้นกว่าที่เคย

เกี่ยวกับบล็อคฟินท์​: บล็อคฟินท์ (Blockfint) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Fintech และ Blockchain เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิตอลได้ Blockfint ให้ความสำคัญกับการสรรค์สร้างนวัตกรรมสู่อนาคตผ่านโซลูชันต่างๆ เช่น Thinker ซีรีย์ของโซลูชัน Blockchain ที่เข้ามาตอบโจทย์ทุกความต้องการของสถาบันการเงิน Gideon แพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานที่ทุกคนเข้าถึงได้

เกี่ยวกับผู้เขียน: คุณสุทธิพงศ์ กนกากร (นิค)และคุณนิสิตา ศิรธรานนท์ (มิ้งค์)

คุณนิคทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพใหม่หลายแห่งใน Silicon Valley มานานกว่า 20 ปีจนถึงปี 2017 บริษัทที่ร่วมงานด้วยได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งรวม Nutanix (เป็นพนักงานคนที่ 6) และ Andiamo (ที่ Cisco เข้าซื้อกิจการ) คุณนิคนำความเชี่ยวชาญด้านระบบและวัฒนธรรมการทำงานของ Silicon Valley มาปรับใช้ใน Blockfint คุณนิคมีทักษะที่ครอบคลุมในด้านการออกแบบโซลูชันเทคโนโลยีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คุณนิคช่วยออกแบบการออกหุ้นกู้ดิจิทัลครั้งแรกในประเทศไทย และยังเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบหลักของระบบ Thailand National Digital ID (NDID)

คุณมิ้งค์เป็นผู้ที่ชื่นชอบด้านเทคโนโลยีเป็นการส่วนตัว และเป็นผู้บริหารด้านการตลาดในบริษัทชื่อดังหลายแห่งในหลายอุตสาหกรรม เธอจึงมีความเข้าใจเชิงลึกในเทคโนโลยี ธุรกิจและลูกค้าที่หลากหลาย เธอมีประสบการณ์ 15 ปีในระดับผู้จัดการและผู้บริหาร โดยมีประวัติการทำงานด้านการตลาดทั้งแบบ Offline และ Online  โดยเชี่ยวชาญในการตลาดแบบ B2B และการขายปลีก เธอมีความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล, CMS, CRM (Salesforce), RPA และ BI (Tableau) และ CDP